Campaign Committee for Human Rights 0

ขอให้ยกเลิกการใช้แร่ใยหินไครโซไทล์ในประเทศไทย

Show your support by signing this petition now
Campaign Committee for Human Rights 0 Comments
3 people have signed. Add your voice!
1%
Maxine K. signed just now
Adam B. signed just now

พฤษภาคม 2555 เรื่อง ขอให้ยกเลิกการใช้แร่ใยหินไครโซไทล์ในประเทศไทย เรียน ฯพณฯนายกรัฐมนตรี สิ่งที่ส่งมาด้วย รายชื่อผู้ร่วมลงนามสนับสนุน ขอให้ยกเลิกการใช้แร่ใยหินไครโซไทล์ในประเทศไทย ในฐานะพลเมืองไทยที่ต้องได้รับผลกระทบจากแร่ใยหินไครโซไทล์ ซึ่งเป็นสารก่อนอันตรายต่อเนื้อเยื่อปอดและสารก่อมะเร็ง สามารถทำให้เกิดโรคพังผืดที่ปอดหรือแอสเบสโตซิส โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคมะเร็งปอด โรคมะเร็งเยื่อหุ้มปอดและมะเร็งของหลายอวัยวะ ข้าพเจ้าขอเรียกร้องให้ท่านตัดสินใจ “ยกเลิก” การใช้และนำเข้าแร่ใยหินไครโซไทล์ ประเทศไทยได้อนุญาตนำเข้าแร่ใยหินมากกว่า 40 ปี ประมาณปีละแสนกว่าตันอย่างต่อเนื่อง และมีปริมาณบริโภคต่อหัวประชากรสูงคิดเป็นอันดับสองของโลกคือ 3 กก./คน/ปี โดยนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์หลายชนิดได้แก่ กระเบื้องมุงหลังคา กระเบื้องแผ่นเรียบ ฝ้าเพดาน ฉนวนกันความร้อน ผ้าเบรก ท่อน้ำซีเมนต์ กระเบื้องยางไวนิลปูพื้น และอุตสาหกรรมสิ่งทอ เป็นต้น ปริมาณแร่ใยหินจำนวนมากดังกล่าวได้สะสมและรอคอยเวลาที่จะกลายเป็นปัญหาโรคจากการทำงาน และโรคจากสิ่งแวดล้อมในอนาคตอันใกล้ของประเทศไทย ไม่ต่างจากประสบการณ์ของนานาชาติทั่วโลก ขณะนี้องค์การอนามัยโลก (WHO) และองค์กรระหว่างประเทศหลายองค์กร ได้แก่ IARC (International Agency of Research on cancer), ILO (International Labor Organization), ATSDR (Agency of Toxic Substance and Disease Registry) และ EPA (Enviromental Protection Act) ต่างสนับสนุนให้ยกเลิกการใช้แร่ใยหินทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นแอมฟิโบล์หรือไครโซไทล์ เนื่องจากหลักฐานทางวิชาการชัดเจนว่าแร่ใยหินทุกชนิดล้วนเป็นสารก่อมะเร็ง และก่อให้เกิดอันตรายต่อปอด และปัจจุบันรัฐบาลกว่า 50 ประเทศทั่วโลกได้ประกาศยกเลิกการใช้แร่ใยหินไครโซไทล์เพื่อปกป้องประชาชน สังคมและสิ่งแวดล้อมของเขาจากแร่มฤตยู ที่น่ากังวัลคือหลังจากที่หลายประเทศยกเลิกการใช้แร่ใยหิน ประเทศในเอเชียรวมทั้งประเทศไทยได้กลายเป็นตลาดหลักของสินค้าแห่งความตายนี้ ยกเว้นญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน และสิงคโปร์ ซึ่งยกเลิกใช้แร่ใยหินแล้ว ดังจะเห็นว่าปริมาณการซื้อแร่ใยหินของทวีปเอเชียจากเดิมที่คิดเป็นร้อยละ 50 ของปริมาณแร่ใยหินในตลาดโลกในปี พ.ศ. 2000 เพิ่มขึ้นสูงเป็นร้อยละ 70 ในปี ค.ศ.2007 ประเทศไทยมีการขับเคลื่อนเรื่องการขจัดโรคจากแร่ใยหินมานาน และมีคำประกาศ การห้ามใช้แร่ใยหินและการกำจัดโรคที่เกี่ยวข้องกับแร่ใยหิน 2549 (The Bangkok Declaration on Elimination of Asbestos and Asbestos-related Diseases 2006) ในการประชุมวิชาการระดับนานาชาติเรื่อง “แร่ใยหินในเอเชีย” ซึ่งจัดขึ้นโดยกระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับกระทรวงแรงงาน ประเทศไทย ยิ่งไปกว่านั้น ในการประชุมสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 3 พ.ศ. 2553 มีมติรับรอง “มติมาตรการทำให้สังคมไทยไร้แร่ใยหิน” หลังจากนั้นคณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบต่อมาตรการทำให้สังคมไทยไร้แร่ใยหิน คือ ห้ามนำเข้าแร่ใยหินและผลิตภัณฑ์เฉพาะกรณี และห้ามผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของแร่ที่ใช้วัตถุดิบอื่นหรือใช้ผลิตภัณฑ์อื่นทดแทนได้ แต่ปัจจุบัน กระทรวงอุตสาหกรรม ยังไม่มีมาตรการยกเลิกการผลิตและนำเข้าแร่ใยหิน ตามที่มติคณะรัฐมนตรี ทำให้ปริมาณการนำเข้ามากกว่าปีที่ผ่านมา คือ ปี 2554 มีปริมาณการนำเข้าแร่ใยหิน ถึง 81,411 ตัน มากกว่าปี 2553 ที่อยู่ที่ 79,250 ตัน สะท้อนความล้มเหลวในการควบคุมอันตรายที่เกิดจากแร่ใยหิน และความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องมีมาตรการที่จะลดความเสี่ยงจากแร่ใยหินในวัสดุต่าง ๆ ที่มีการนำเข้าและมีการผลิตในประเทศไทย ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ข้าพเจ้าคาดหวังท่านในฐานะผู้นำประเทศซึ่งมีพันธสัญญาต่อประชากรไทยที่จะดำเนินการยกเลิกการใช้แร่ใยหินเพื่อป้องกันอันตรายต่อผู้ใช้แรงงานและผู้บริโภคทั้งมวล อันจะเป็นภารกิจสำคัญที่จะทำให้สังคมไทยเข้มแข็งและไร้แร่ใยหินสมดังปณิธานของท่านเสมอมา ด้วยความนับถือ

Share for Success

Comment

3

Signatures